วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557


  • 1 ตอบ : เน็ตเวิร์ก (network) ก็คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารชนิดต่าง ๆ ที่นำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันในเครือข่ายได้ ตัวอย่างของเครือข่ายที่เราคุ้นเคย ได้แก่ เครือข่ายของโทรศัพท์ เครือข่ายดาวเทียม เครือข่ายวิทยุ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยช่องทางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน เรียกว่า ช่องสัญญาณ (communication channel) 



  • 2 ตอบ : 1.  จัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารได้รวดเร็ว การจัดเก็บข้อมูลซึ่งอยู่ในรูปของสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์

สามารถจัดเก็บไว้ในแผ่นบันทึก (Diskette) ที่มีความหนาแน่นสูงได้  แผ่นบันทึกแผ่นหนึ่งสามารถบันทึกข้อมูล
ได้มากกว่า 1 ล้านตัวอักษร  สำหรับการสื่อสารข้อมูลนั้นถ้าข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ด้วยอัตรา 120 ตัวอักษร
ต่อวินาที จะสามารถส่งข้อมูล 200 หน้า ได้ในเวลา 40 นาที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่งป้อนข้อมูลเหล่านั้น
ซ้ำใหม่อีก  

2.  มีความถูกต้องของข้อมูล  โดยปกติมีการส่งข้อมูลด้วยสัญญาณทางอิเล็กทรอนิกส์ จากจุดหนึ่งไปยัง
จุดอื่น ๆ ด้วยระบบดิจิทัล  วิธีการรับส่งนั้นจะมีการตรวจสอบสภาพของข้อมูล หากข้อมูลผิดพลาด ก็จะมีการรับรู้
และพยายามหาวิธีการแก้ไขให้ข้อมูลที่ได้รับมีความถูกต้องโดยอาจทำการส่งใหม่ หรือกรณีผิดพลาดไม่มาก 
ผู้รับอาจใช้โปรแกรมของตนเองแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องได้ 

3.  มีความรวดเร็วในการทำงาน สัญญาณทางไฟฟ้าเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง ทำให้การใช้คอมพิวเตอร์
ส่งข้อมูลจากซีกโลกหนึ่งไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง หรือการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูล ขนาดใหญ่สามารถทำได้
อย่างรวดเร็ว  ความรวดเร็วของระบบจะทำให้ผู้ใช้สะดวกสบาย เช่น บริษัทสายการบินทุกแห่งสามารถทราบ
ข้อมูลของทุกเที่ยวบินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การจองที่นั่งของสายการบินสามารถทำได้ทันที 

4.  ประหยัดต้นทุน  การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ต่อเข้าหากันเป็นเครือข่ายเพื่อส่งหรือสำเนาข้อมูล โปรแกรมการ
ทำงานจะทำให้ราคาต้นทุนของการใช้ข้อมูลไม่แพง เมื่อเทียบกับการจัดส่งแบบวิธีอื่น


3 ตอบ : 1. นักเขียนโปรมแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmer)
           ทำหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรมแกรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า โปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร
2. นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst)
           ทำหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบจะทำการวิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูลด้วย
3. ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (database administrator)
          ทำหน้าที่บริหารและจัดการฐานข้อมูล (database) รวมถึงการออกแบบ บำรุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การกำหนดบัญชีผู้ใช้ การกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้
4. ผู้ดูแลและบริหารระบบ(system administrator)
          ทำหน้าที่บริหารและจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร โดยดูแลการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบปฎิบัติการ การติดตั้งฮาร์ดแวร์ สร้าง ออกแบบและบำรุงรักษาบัญชีผู้ใช้ สำหรับองค์กรขนาดเล็กเจ้าหน้าที่ความคุมระบบอาจต้องดูแลและบริหารระบบเครือข่ายด้วย

4 ตอบ :  ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีส่วนทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบันมีความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้คนในสังคมมีการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ง่ายและรวดเร็ว มีการทำกิจกรรมหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกันง่ายขึ้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น
1.3.1 ด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารด้านการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบียน และระบบการจัดตารางสอน นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มโอก่สทางด้านการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในด้านการศึกษา ดังรูปที่ 1.14
1. การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ทำให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเดินทางสามารถได้รับการศึกษาเช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในเมือง
2. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ภาษาต่างประเทศ ทำให้บทเรียนมีความน่าสนใจมากขึ้น และเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น การแสดงสถาณการณ์จำลอง แบบจำลอง ภาพเคลื่อนไหว แสงสีและเสียงประกอบ นักเรียนสามารถเตรียมตัวก่อนเรียน หรือทบทวนบทเรียนด้วยตนเองเมื่อใดก็ได้ที่มีเวลาว่าง
3. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับผู้พิการทางสายตาหรือหู
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีบทบาทต่อการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารทางด้านการศึกษาได้เป็นอย่างดี ทั้งในและนอกสถานศึกษา หน่วยงานต่างๆ ใช้บทเรียนออนไลน์ในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ความรู้เพิ่มเติม นอกจากนี้อินเทอร์เน็ตยังเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่ทั้งครูและนักเรียนหรือบุคคลทั่วไป ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลเรื่องต่างๆ ในการทำรายงาน หรือเพื่อศึกษาหาความรู้ เว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลที่ใช้กันมากในปัจจุบัน เช่น google.com, ask.com, dogpile.com และ wikipedia.org ตัวอย่างการค้นหาข้อมูลจากหลักฐานข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต 
5 ตอบ :  แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
1.4.1 ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อพิจารณาเครือข่ายการสื่อสารทั่วไปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ใช้อุปกรณ์การสื่อสารแบบพกพามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากวิทยุเรียกตัว (pager) ซึ่งเป็นเครื่องรับข้อความ มาเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์สื่อสารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจนสามารถใช้งานด้านอื่นๆได้ นอกจากการพูดคุยธรรมดา โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่สามารถใช้ถ่ายรูป ฟังเพลง ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ บันทึกงานสั้นๆ โทรศัพท์บางรุ่นมีลักษณะเป็นเครื่องช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant : PDA) ซึ่งสามารถเชื่อต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสัมผัส ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น บางรุ่นมีอุปกรณ์สไตลัส (stylus) คือใช้ปากกาป้อนข้อมูลทางหน้าจอ บางรุ่นสามารถสั่งการด้วยเสียง ตัวอย่างอุปกรณ์สื่อสารและสารสนเทศแบบพกพา ดังรูปที่ 1.23
รูปที่ 1.23 ตัวอย่างอุปกรณ์สื่อสารและสารสนเทศแบบพกพา
วิทยุเรียกตัว ( Pager ) โทรศัพท์เคลื่อนที่ ( Mobile Phone )
เครื่องช่วยงานส่วนบุคคล ( PDA )
ในอนาคตอันใกล้ มนุษย์จะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยใช้กันมากขึ้น นอกเหนือจากการพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านอินเทอร์เน็ต มนุษย์สามารถพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถติดต่อกันได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง สามารถส่งข้อความ ภาพ และเสียง ได้โดยง่ายดาย สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังค้นหาข้อมูลด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วยเว็บรุ่นที่สาม ( Web 3.0 ) แทนที่จะเป็นการใช้คำหลักเหมือนดังที่ใช้ในปัจจุบัน ตัวอย่างการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพารุ่นใหม่ ดังรูปที่ 1.24
รูปที่ 1.24 ตัวอย่างการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพารุ่นใหม่
ดังนั้นอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในอนาคตมีแนวโน้มเป็นดังนี้คือ มีขนาดเล็กลง พกพาได้ง่าย แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น เก็บข้อมูลได้มากขึ้น ประมวลผลได้เร็วขึ้น ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น โดยมีการผนวกอุปกรณ์หลายๆอย่างไว้ในเครื่องเดียว ( all-in-one ) ที่รูปที่ 1.25 ตัวอย่างอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในอนาคต
สำคัญอุปกรณ์เหล่านี้ต้องใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ นอกจากนี้ ยังมีระบบ
รักษา
ความปลอดภัยที่ดีขึ้น โดยอาศัยลายนิ้วมือหรือจอม่านตา แทนการพิมพ์รหัสแบบในปัจจุบัน
ตัวอย่างอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในอนาคต ดังรูปที่ 1.25
1.4.2 ด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในอดีตมักเป็นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อตรงเพียงชุดเดียว ( stand alone ) ดังรูปที่ 1.26
ต่อมามีการเชื่อต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันภายในองค์กร เพื่อทำให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน หรือใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน จนเกิดเป็นระบบรับและให้บริการ หรือเรียกว่าระบบรับ-ให้บริการ ( client-server system ) โดยมีเครื่องให้บริการ ( server ) และเครื่องรับบริการ ( client )รูปที่ 1.26 คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อตรงเพียงชุดเดียว ( stand alone )
การให้บริการบนเว็บก็นำหลักการของระบบรับ-ให้บริการมาใช้ช่วยให้การทำงานง่าย สะดวกรวดเร็ว เพราะสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้โดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยมีเว็บเซิร์ฟเวอร์ (web server ) เป็นเครื่องให้บริการ ดังรูปที่ 1.27
รูปที่ 1.27 การใช้บริการบนเว็บโดยใช้หลักการของระบบรับ-ให้บริการ ( client-server system )
เมื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างแพร่หลาย การพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยตรง โดยที่เครื่องให้บริการมีหน้าที่เพียงแค่เก็บตำแหน่งของเครื่องผู้ใช้งานที่มีข้อมูลนั้นๆอยู่ เพื่อให้เครื่องอื่นสามารถทราบที่อยู่ที่มีข้อมูลดังกล่าว และเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ เรียกระบบแบบนี้ว่าเครือข่ายระดับเดียวกัน ( Peer-to-Peer network: P2P network ) ดังรูปที่ 1.28
รูปที่ 1.28 เครือข่ายระดับเดียวกัน ( Peer-to-Peer network: P2P network )
ปัจจุบันมีการใช้แลนไร้สาย (wireless LAN ) ในสถาบันการศึกษา และองค์กรหลายแห่ง การให้บริการแลนไร้สาย หรือ ( Wi-Fi ) ตามห้างสรรพสินค้า ร้านขายเครื่องดื่ม หรือห้องรับรองของโรงแรมใหญ่ ภายใต้ความร่วมมือของผู้ให้บริการ ทำให้นักธุรกิจสามารถดำเนินธุรกรรมผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้ หรือบางรายอาจซื้อบริการอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านทางโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีติดตามตำแหน่งรถด้วยจีพีเอส ( Global Positioning System: GPS ) กับรถแท็กซี่เพื่อความปลอดภัยทั้งผู้โดยสารและผู้ขับรถ ดังรูปที่ 1.29
รูปที่ 1.29 ตัวอย่างการใช้งานระบบเครือข่ายแบบไร้สาย
1.4.3 ด้านเทคโนโลยี ระบบทำงานอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจได้เองจะเข้ามาแทนที่มากขึ้น เช่น ระบบแนะนำเส้นทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหาตำแหน่งของวัตถุ ระบบควบคุมความปลอดภัยภายในอาคาร ระบบทำงานอัตโนมัติเช่นนี้ อาจกลายเป็นระบบหลักในการดำเนินการของหน่วยงานต่างๆ โดยเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอย่างกว้างขวางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างระบบจอดรถอัตโนมัติ ดังรูปที่ 1.30
รูปที่ 1.30 ตัวอย่างระบบจอดรถอัตโนมัติ
ระบบควบคุมไฟจราจรอัตโนมัติ
เกร็ดน่ารู้
ระบบประเมินและรายงานสภาพจราจรแบบทันที หรือระบบทราฟฟี่ ( Traffy ) พัฒนาโดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ( NECTEC ) สามารถช่วยในการวางแผนก่อนออกเดินทางและตรวจสอบสภาพจราจรขณะเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ติดขัด โดยสามารถใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่

พีเอ็นดี ( Personal Navigation Device: PND )เป็นอุปกรณ์เพื่อช่วยในการนำทาง เสมือนผู้นำทางบนท้องถนนเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ค้นหาเส้นทางไปยังจุดหมายได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว หรือช่วยบริการเส้นทางการเดินทาง นอกจากนี้ยังสามารถรายงานสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย 
เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี ( Radio Frequency Identification: RFID ) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุเพื่อระบุเอกลักษณ์ของวัตถุ ประกอบด้วยอุปกรณ์หลักสองส่วน คือ ป้ายระบุอิเล็กทรอนิกส์ ( electronics tag )และเครื่องอ่าน ( reader ) ตัวอย่างเช่น ในห้างสรรพสินค้ามีป้ายระบุอิเล็กทรอนิกส์ติดอยู่ที่สินค้าแต่ละชนิด และมีเครื่องอ่านติดอยู่ที่ประตูทางออก หรือจุดชำระเงิน เมื่อต้องการชำระเงินค่าสินค้า พนักงานจะใช้เครื่องอ่าน อ่านราคาสินค้าจากป้ายระบุอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะทราบราคาสินค้าหรือถ้าลืมชำระเงินแล้วเดินผ่านประตู เครื่องอ่านก็จะส่งสัญญาณเตือน

YouTube วันละนิด วิทย์เทคโน กับ สวทช กระทรวงวิทย์ฯ


6 ตอบ ; 1. อธิบายความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ตอบ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 หมายถึง เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับข่าวสารข้อมูล และการสื่อสารนับตั้งแต่การสร้าง การนำมาวิเคราะห์หรือประมวลผล การรับและการส่งข้อมูล การจัดเก็บและการนำข้อมูลกลับไปใช้ใหม่
ตัวอย่างเช่น
1. การเรียนทางไกลผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2. การสั่งซื้อสิ้นค้าและชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3. การเบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม
4. การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมลล์(electronic mail: e-mail)
2. อธิบายองค์ประกอบที่สำคัญของระบบสารสนเทศ
ตอบ 1.2.1 ฮาร์ดแวร์ (hardware) หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น คีย์บอร์ด (keyboard) เมาส์ (mouse) จอภาพ (monitor) จอภาพสัมผัส (touch screen) ปากกาแสง (light pen) เครื่องอ่านรหัสแท่ง (barcode reader)เครื่องพิมพ์ (printer) ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเสื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเป็นเครือข่าย เช่น โมเด็ม (modem) และสายสัญญาณ
1.2.2 ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ( instruction )ที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เพื่อให้ทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้ โดยทั่วไปโปรแกรม หรือชุดคำสั่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่
3. ยกตัวอย่างอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ตอบ นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer)ทำหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าโปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร
นักวิเคราะห์ระบบ (System analyst) ทำหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบจะทำการวิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน  ซึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูลด้วย
ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (Database administrator) ทำหน้าที่บริหารและจัดการฐานข้อมูล(Database) รวมถึงการออกแบบ บำรุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การกำหนดบัญชีผู้ใช้ การกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้
ผู้ดูแลและบริหารระบบ (System administrator) ทำหน้าที่บริหารและจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร โดยดูแลการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบปฏิบัติการ การติดตั้งฮาร์ดแวร์ การติดตั้งและการปรับปรุงซอฟต์แวร์ สร้าง ออกแบบและบำรุงรักษาบัญชีผู้ใช้ สำหรับองค์กรขนาดเล็กเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบอาจต้องดูแลและบริหารระบบเครือข่ายด้วย
ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (Network administrator) ทำหน้าที่บริหารและจัดการออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และดูแลรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายของพนักงานและติดตั้งโปรแกรมป้องกันผู้บุกรุกเครือข่าย
ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซต์ (Webmaster)ทำหน้าที่ออกแบบพัฒนา ปรับปรุงและบำรุงรักษาเว็บไซต์ให้มีความทันสมัย โดยเฉพะอย่างยิ่งต้องมีการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
เจ้าหน้าที่เทคนิค (Technician)ทำหน้าที่ซ่อมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งโปรแกรม หรือติดตั้งฮาร์ดแวร์ต่างๆ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในองค์กร
นักเขียนเกม (Game maker)ทำหน้าที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์
ในปัจจุบันนี้การเขียนเกมคอมพิวเตอร์ เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย
4. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างไร
ตอบ ด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารด้านการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบียน และระบบการจัดตารางสอน นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มโอก่สทางด้านการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในด้านการศึกษา
5. อธิบายว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีและสารสนเทศในอนาคตจะมีลักษณะอย่างไร
ตอบ ความก้าวหน้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อสนองความต้องการด้านต่างๆ ของผู้ใช้ในปัจจุบันซึ่งมีผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั่วโลกประมาณพันล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั้งที่เกิดประโยชน์และโทษ
6. สมาร์ตการ์ด และ เงินอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร อธิบาย พร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ การใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Cash) การใช้เงินตราจะเริ่มเปลี่ยนรูปแบบเป็นการใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ทำให้พกเงินสดน้อยลง เพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าและการบริการต่างๆ ด้วยบัตรที่มีลักษณะเป็นบัตรสมาร์ต หรือสมาร์ตการ์ด (smart card) ซึ่งบัตรใบเดียวสามารถใช้ได้กับธุรกรรมหลายประเภท ตั้งแต่เป็นบัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ บัตรประจำตัวพนักงานหรือบัตรประจำตัวนักเรียน นักศึกษา บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต ตลอดจนบัตรสมาชิกห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ
7. การชมรายการโทรทัศน์แบบออนดีมานด์มีลักษณะอย่างไร
ตอบ ปัจจัยหลักของการเติบโตในการรับชมรายการโทรทัศน์แบบ On Demand ก็คือ พฤติกรรมของคนเมือง ที่ทำงานเลิกดึก แถมรถติด กว่าจะกินข้าว เข้าบ้านก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว แถมไม่ได้ดูบางรายการที่สนใจ เพราะฟรีทีวีฉายเป็นเวลา พฤติกรรมคนสมัยนี้ ถึงบ้านก็เปิดคอม จิ้มแท็ปเล็ต เล่นเน็ต เปิดทีวีไว้เพียงเป็นเพื่อนเท่านั้น การรับชมแบบ On Demandจึงเกิดขึ้นเพื่อฉีกข้อจำกัดเรื่องเวลาในการออกอากาศ ดูไม่ทันก็เข้าไปดูย้อนหลังบนYoutube ได้ ดังนั้น On Demand คือ ดูได้ทุกเวลาที่อยากจะดู อ้างอิงจากพฤติกรรมหนึ่งในกิจกรรมที่คนใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ความสนใจ ก็คือการดูรายการย้อนหลังผ่าน Youtubeยกตัวอย่าง ซิทคอมเป็นต่อ ถึงแม้ว่าจะจบไปแล้ว แต่หลายๆคนที่ยังคิดถึงก็ยังย้อนดูเป็นต่อผ่าน Youtube ได้ นี่คือโอกาสของผู้ผลิตคอนเทนต์ ในการป้อนเนื้อหาไปยังอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้ชม ที่เลือกอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของพวกเขา ผู้ชมมีโอกาส เลือกดูรายการที่ตนเองสนใจในเวลาใดก็ได้ โดยที่ไม่ต้องบังคับตนเองกลับบ้านให้ทันดูละคร หรือรายการที่ชื่นชอบอีกต่อไ

7ตอบ : ยุคนี้เป็นยุคของการสร้างคอนเทนต์ ทุกคนสามารถผลิตเนื้อหาสาระ โดยการนำเรื่องราวต่างๆ รอบตัว มาผลิตเป็นรายการโทรทัศน์อย่างง่ายๆ ผลิตคอนเทนต์ตามเรื่องราวที่ตนเองสนใจและอยากแชร์ ผ่านสื่อต่างๆอย่าง บล็อก โซเชียลมีเดีย ถ่ายวีดีโอเอง อัพโหลดผ่าน Youtube สร้างเป็นรายการโทรทัศน์ของตนเอง เพื่อให้ผู้ที่สนใจรับชมเป็นตอนๆ โดยไม่มีโฆษณาคั่น…
และด้วยความที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลขึ้น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีความเร็วและเสถียรมากขึ้น เครือข่าย 3G ให้บริการครอบคลุมมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้ผลิตคอนเทนต์ ที่จะป้อนรายการที่มีเนื้อหาสาระ โดยนำเนื้อหามาจากผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ และมีแนวทางในการนำเสนอที่แปลกออกไป ฉีกจากกรอบของรายการโทรทัศน์ปกติ ทำให้สามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นสื่อรายการโทรทัศน์ในรูปแบบใหม่ สามารถนำเสนอเรื่องราวได้มากกว่ากรอบข้อจำกัดของการเผยแพร่รายการโทรทัศน์บนฟรีทีวีหรือเคเบิลทีวีแบบเดิมๆ
ถึงเวลาการรับชมรายการโทรทัศน์แบบ On Demand
ปัจจัยหลักของการเติบโตในการรับชมรายการโทรทัศน์แบบ On Demand ก็คือ พฤติกรรมของคนเมือง ที่ทำงานเลิกดึก แถมรถติด กว่าจะกินข้าว เข้าบ้านก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว แถมไม่ได้ดูบางรายการที่สนใจ เพราะฟรีทีวีฉายเป็นเวลา พฤติกรรมคนสมัยนี้ ถึงบ้านก็เปิดคอม จิ้มแท็ปเล็ต เล่นเน็ต เปิดทีวีไว้เพียงเป็นเพื่อนเท่านั้น การรับชมแบบ On Demand จึงเกิดขึ้นเพื่อฉีกข้อจำกัดเรื่องเวลาในการออกอากาศ ดูไม่ทันก็เข้าไปดูย้อนหลังบน Youtube ได้ ดังนั้น On Demand คือ ดูได้ทุกเวลาที่อยากจะดู อ้างอิงจากพฤติกรรมหนึ่งในกิจกรรมที่คนใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ความสนใจ ก็คือการดูรายการย้อนหลังผ่าน Youtube ยกตัวอย่าง ซิทคอมเป็นต่อ ถึงแม้ว่าจะจบไปแล้ว แต่หลายๆคนที่ยังคิดถึงก็ยังย้อนดูเป็นต่อผ่าน Youtube ได้ นี่คือโอกาสของผู้ผลิตคอนเทนต์ ในการป้อนเนื้อหาไปยังอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้ชม ที่เลือกอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของพวกเขา ผู้ชมมีโอกาส “เลือก” ดูรายการที่ตนเองสนใจในเวลาใดก็ได้ โดยที่ไม่ต้องบังคับตนเองกลับบ้านให้ทันดูละคร หรือรายการที่ชื่นชอบอีกต่อไป
อุปกรณ์พร้อม เครือข่ายเติบโต ตลาดคอนเทนต์คึกคัก
ตั้งแต่ต้นปีมีการเปิดตัวบริการรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆ มีทางเลือกมากขึ้น จากปกติที่รับชมรายการโทรทัศน์ผ่านฟรีทีวี ที่มีการจำกัดเวลาในการออกอากาศรายการต่างๆ แน่นอน ก็มีการนำเสนอผ่านเคเบิลทีวี ที่มีการบอกรับค่าสมาชิก หรือจ่ายครั้งเดียวโดยติดจานรับสัญญาณดาวเทียม และที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ บริการบอกรับและรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีอยู่ทุกบ้านเป็นตัวนำสัญญาณ และมีกล่องแปลงสัญญาณเข้ากับจอโทรทัศน์ หรือจอ LCD, LED, Plasma และด้วยความที่จอมีราคาถูกลง อย่างจอ LCT TV 32 นิ้ว สามารถหาซื้อได้ในราคาไม่ถึงหมื่น รวมไปถึงการที่สื่ออื่นๆ เป็นทางเลือก และทางออกของรายการโทรทัศน์ฟรีทีวี ที่ปกติมีการกำหนดเวลาออกอากาศที่แน่นอน การรับชมแบบ On Demand จึงเกิดขึ้น หลายๆคนพลาดชมรายการใด ก็เข้าไปรับชมได้ผ่าน Youtube ได้ และสามารถซื้อรายการที่สนใจรับชมแบบ On Demand ได้ เพื่อรับชมในเวลาที่ว่าง รายการโทรทัศน์บนอินเทอร์เน็ตจึงเป็นทางเลือกในการรับชม
เมื่อคอนเทนต์ เป็นตัวกำหนดการรับชม 
ปัจจัยที่กำหนดว่าจะติดจานอะไร บอกรับบริการค่ายใด ผู้ชมควรพิจารณาถึงความสนใจของตนเอง ความเหมาะสมของเวลา และอุปกรณ์ที่ิติดตั้ง เพราะคอนเทนต์จะเป็นตัวกำหนดว่า คุณควรจะเลือกช่องทางรับชมแบบใด โดยขอให้พิจารณาว่า คุณสนใจรับชมเนื้อหาใด และชอบรับชมรายการสด หรือละคร หากเป็นกีฬา คุณก็จะต้องชมรายการสด เพื่อลุ้นการแข่งขันไปพร้อมๆกันทั่วโลก แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์ ซีรีย์ อาจจะเลือกชมแบบ On Demand คือชมได้ทุกเวลาที่ว่างรับชมได้ ตัวเลือกที่ต้องคำนึงถึงต่อจากนั้นก็คือ อุปกรณ์ที่จะต้องติดตั้ง โดยย้อนกลับไปตรวจสอบว่า รายการที่คุณต้องการรับชม ออกอากาศผ่านช่องทางใด และจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ใดในการรับชม
รีโมท…อยู่ในมือคุณ
ในขณะที่มีผู้ผลิตคอนเทนต์มากขึ้น ผู้ชมเองก็มีสิทธิในการเลือกเทคโนโลยีในการรับชมเนื้อหาที่สอดคล้องกับพฤติกรรมในการรับชมของเขาด้วยเช่นกัน ทำให้คอนเทนต์ เป็นตัวกำหนดอุปกรณ์ การเชื่อมต่อ ที่พวกเขาจะต้องบอกรับบริการเพื่อรับชม ทำให้หลายๆคนสับสน ว่าจะติดจานไหนดี เคเบิลแพ็คเกจไหนดี หรือซื้ออุปกรณ์กล่องแปลงสัญญาณยี่ห้อใดดี มุมมองในการให้บริการจะกลับกันโดยสิ้นเชิง จากปกติที่ผู้ให้บริการ บังคับได้ว่า อยากจะดูช่องนี้ ต้องติดจานนี้ และจ่ายเท่านี้ กลายมาเป็น อยากดูรายการนี้ จะต้องติดจานอะไร บอกรับเคเบิลแบบใด
ปัจจัยการเติบโตของการรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต
ความลงตัวของเทคโนโลยีด้วย 3 ปัจจัยคือ ความเร็วอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ที่รองรับ และมีผู้ผลิตคอนเทนต์ป้อนช่อง อย่างแรกคือการรับชมผ่าน Streaming ทำได้ไหลลื่นขึ้นบนความเร็วอินเทอร์เน็ตมาตรฐานปัจจุบัน 6 – 9 Mbps ข้อมูลจากAkamai  ได้สำรวจความเร็วอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ย ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2011  พบว่าประเทศไทย มีความเร็วอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 3.4Mbps ซึ่งปัจจุบันความเร็วอินเทอร์เน็ตตามบ้านทั่วไปเริ่มต้นที่ 6 – 9Mbps กันแล้วสำหรับการดาวน์โหลด แต่การออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ต ยังมีการบีบอัดความละเอียดเพื่อให้ออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ 2 – 3Mbps ได้ นี่คือเหตุผลทางเทคนิค ว่าทำไมจึงไม่สามารถออกอากาศเป็น 1080p Full HD ได้ ความคมชัดสูงสุดยังคงเป็น 720p เพื่อให้ผู้ผลิตคอนเทนต์มีช่องทางในการเผยแพร่เนื้อหามากขึ้น มีกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น
ทางเลือกใหม่ของสื่อ กับเทคโนโลยีการออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ต
หลายๆคนคงจะเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า Internet TV, Digital TV, SmartTV, IPTV แต่ละเทคโนโลยีมีความแตกต่างกัน และมีรูปแบบในการนำเสนอต่างกัน ซึ่งผู้รับจะต้องมีความพร้อมในการรับชม ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม ความเร็วอินเทอร์เน็ต หรือระยะห่างระหว่างจุดรับชมและชุมสาย และท้ายที่สุด ติดได้กี่จุด? เพราะศึกแย่งรีโมทมีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการรับชมแบบใดก็ตาม โดยการติดตั้งบริการแบบใด ขอให้ศึกษาว่าช่องทางใด สามารถรับชมรายการใดได้บ้าง ลองมาทำความรู้จักกับบริการในแต่ละประเภทกัน
Internet TV
ช่วงแรกๆที่เข้ามาจำหน่ายในไทย หลายๆคนคิดว่ายังไกลตัวเรา โดย Internet TV รองรับการรับชมรายการโทรทัศน์แบบปกติได้ เชื่อมต่อกับเครื่องเล่น DVD, Blu-ray ได้ตามปกติ แต่จะมีซอฟต์แวร์และหน่วยประมวลผลซีพียูในตัว เพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านหน้าจอทีวีได้ รองรับทั้ง LAN และ Wi-Fi แต่สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ต้องบอกว่า ในการใช้งานจริงนั้น อาจจะพิมพ์ลำบากสักหน่อย โดยเฉพาะภาษาไทย เพราะใช้รีโมทในการเลือกตัวอักษรทีละตัว (ลองนึกถึงการพิมพ์ T9 บนโทรศัพท์มือถือ กดปุ่มตัวเลขมือหงิก) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลองหาอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ดไร้สาย ก็จะพิมพ์ได้สะดวกขึ้นมาก
เป็นการออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ต การออกอากาศแบบนี้ ไม่ใช่การรับชมรายการฟรีทีวีบนอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่างๆ หรือที่เรียกว่า ดูทีวีบนเน็ต เพราะนั่นคือรายการที่ออกอากาศฟรีทีวีแล้วเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต แต่เป็นรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ตโดยตรงเลย โดยมีความคมชัด เพราะมีการถ่ายทำ การบันทึกเสียงแบบดิจิตอล ที่ได้รับการบีบอัดและเข้าสัญญาณเพื่อให้ออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วไม่สูงนักได้ ตอนนี้มีรายการโทรทัศน์บนอินเทอร์เน็ตอย่าง iHereTV และ เทยเที่ยวไทย
Digital TV
อีกหนึ่งเทคโนโลยี ฟังดูไฮเทคเพราะเป็นดิจิตอล ข้อดีของความเป็นดิจิตอล คือสัญญาณภาพและเสียงคมชัด มีคุณภาพดีกว่าอนาล็อกแน่ๆ ส่วนการรับชมนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ด้วยว่าจะออกอากาศแบบดิจตอลหรือไม่ และอาจจะมีลูกเล่นพิเศษกว่าแบบอนาล็อก เช่น การออกอากาศแบบ 2 ภาษา หรือการถ่ายด้วยกล้อง HD ออกอากาศภาพแบบ 16:9 และใช้การเชื่อมต่อที่ใกล้ตัวที่สุด เห็นจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อดีของดิจิตอลทีวี หากพูดกันแบบภาษาชาวบ้านคือ ภาพและเสียงคมชัดขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายการด้วยเพราะกล้องที่ถ่าย ระบบเสียงที่บันทึกจะต้องเป็นดิจิตอลด้วย
IPTV (Internet Protocol Television)
เป็นระบบปิด ซึ่งมีการแจกจ่ายสัญญาณกับผู้รับบริการแบบ over IP เท่านั้น คล้ายๆกับการบอกรับสมาชิกเคเบิลทีวี และมีการจำกัดด้วยการซื้อสิทธิในการรับชม หรือจำกัดแบนด์วิธได้ เช่น รับชมภาพแบบปกติ ราคานึง รับชมภาพแบบ HD อีกราคานึง เป็นต้น ส่วน Internet TV นั้นเป็นทางเลือกที่กว้างกว่า เพราะเป็นระบบเปิด เผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ตปกติ แต่ก็มีการเข้ารหัสลิขสิทธิ์ในการรับชมอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการลักลอบดูดข้อมูล ขโมยข้อมูลกลางอากาศ
Smart TV
สำหรับ SmartTV นั้นเป็นได้มากกว่าทีวีธรรมดา แต่เป็นทีวีอัจฉริยะ ที่มีความสามารถในการประมวลผลเอง มีแอพพลิเคชั่นให้ใช้งาน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ใช้านเว็บเบราเซอร์ โซเชียล เน็ตเวิร์ค มีแอพพลิเคชั่นในการทำงาน และเชือมต่ออินเทอร์เน็ตได้
ศึกชิงรีโมท ยังคงดำเนินต่อไป
อนาคตของรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต จากนี้ต่อไป ทุกบ้านจะมีโน้ตบุ๊กหลายเครื่อง มีทีวีหลายเครื่อง จากรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต ก็จะต้องต่อสายแลน หรือเชื่อมโยงไวร์เลสทั่วบ้าน เพื่อให้ทุกเครื่องในบ้าน สามารถรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทุกจุด และหลากหลายอุปกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาศึกแย่งรีโมท และแย่งกล่องแปลงสัญญาณกัน ไม่แน่ว่า ต่อไป ทุกบ้านจะต้องมีทั้ง คอมพิวเตอร์ จอทีวี กล่องแปลงสัญญาณ กล่อง IPTV ติดจานดาวเทียม บอกรับสมาชิกเคเบิลทีวี เพราะแต่ละคนในบ้าน มีความสนใจในการรับชมเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง